โรคติดต่อทางเพศ มีโรคไหนบ้าง ไปอ่านได้เลย
โรคติดต่อทางเพศ ยังคงเป็นโรคที่มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นทุกปี เนื่องจากการอยู่ร่วมกันก่อนแต่งในวัยรุ่น หนุ่มสาว ผู้ใหญ่วัยทำงานก็เช่นกัน โดยส่วนใหญ่ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในด้านการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เท่าไรนัก ส่งผลให้คู่รักหลายคู่ต้องเผชิญกับอาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะมีโรคไหนไปดูกัน
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Disease) คือกลุ่มโรคที่ติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งส่วนใหญ่ติดต่อจากการร่วมเพศ ระหว่างชายและหญิง ตลอดจนเพศสัมพันธ์ของกลุ่ม LGBT ด้วย โรคบางโรคติดต่อจากการสัมผัสทางใดทางหนึ่งได้แก่ ทางปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก และโรคกลุ่มนี้สามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้ มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์อย่างถูกต้องและปฏิบัติตนให้ถูกวิธี
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 10 โรคมีดังนี้
โรคหูดหงอนไก่ (Condyloma acuminate, Genital wart)
- โรคหูดหงอนไก่ เกิดจากเชื้อ HPV type 6, 11
- ระยะฟักตัว (Incubation period) ประมาณ 1-6 เดือน
- ติดต่อโดยการร่วมเพศ และสัมผัสทางเพศกับผู้ป่วย
- อาการ ติ่งเนื้ออ่อนสีชมพูยื่นออกมาจากผิว กระจายออกทางด้านบน คล้ายหงอนไก่หรือดอกกะหล่ำ พบได้บ่อยบริเวณรอบปากช่องคลอด ใต้ผนังหุ้มปลายองคชาติ
โรคซิฟิลิส (Syphilis)
- โรคซิฟิลิสเกิดจากเชื้อ Treponema pallidum
- ระยะฟักตัว (Incubation period) 9-90 วัน
- ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และมารดาที่กำลังตั้งครรภ์ที่เป็นซิฟิลิสทารกจะติดโรคด้วย
- อาการแบ่งเป็น 4 ระยะ (Primary Syphilis) (Secondary Syphilis) (Latent Syphilis) (Tertiary Syphilis)
แผลริมอ่อน (Chancroid)
- เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus ducreyi
- ระยะฟักตัว (Incubation period) 4-7 วัน
- ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- อาการของผู้ชายจะมีตุ่มหนองเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ ต่อมาแตกเป็นแผล แผลขอบไม่แข็ง ไม่เรียบ มีเลือดอออกเจ็บปวดมาก
- อาการของผู้หญิงส่วนใหญ่คล้ายกับผู้ชาย แต่ถ้าแผลอยู่ที่ผนังช่องคลอด หรือปากมดลูกก็อาจไม่มีอาการ หรือเจ็บปวดเวลาร่วมเพศ
เริม (Herpes genitalis)
- เริมเกิดจากเชื้อ HSV type 2
- ระยะฟักตัว (Incubation period) 4-7 วัน
- ติดต่อโดยการร่วมเพศหรือสัมผัสทางเพศกับผู้ป่วย
- อาการ เม็ดตุ่มน้ำใสๆ บริเวณอวัยวะเพศ ขึ้นอยู่เป็นกลุ่ม ปวดแสบร้อน คันๆ หากแตกจะเป็นแผลตื้นและเจ็บ พบบ่อยที่ริมฝีปาก อวัยวะเพศชาย ช่องคลอด ปากมดลูก
หนองใน (Gonorrhea)
- หนองในเกิดจากเชื้อ Neisseria gonorrhoeae
- ระยะฟักตัว (Incubation period) 3-5 วัน
- อาการ ได้แก่ ผู้ชาย หนองเขียวเหลืองออกจากปลายอวัยวะเพศ ปัสสาวะขัด / ผู้หญิง ตกขาวสีเขียวเหลือง ปัสสาวะขัด ปวดหน่วงท้องน้อย
หนองในเทียม (Non-gonococcal urethritis : NGU)
- เกิดจากเชื้อ Chlamydia trachomatis
- ระยะฟักตัว (Incubation period) 5-7 วัน
- อาการ คล้ายหนองในแท้ แต่จะแตกต่างตรงที่หนองในเทียมไม่ได้มีสาเหตุของโรคมาจากการติดเชื้อ Neisseria gonorrhoeae
พยาธิในช่องคลอด (Trichomonas vaginalis)
- โรคพยาธิในช่องคลอดเกิดจากเชื้อ Trichomonas vaginalis
- ระยะฟักตัว (Incubation period) 1 – 6 เดือน
- อาการ ในผู้หญิง จะมีตกขาวผิดปกติ สีเข้ม กลิ่นเหม็น มีฟองมากและดัน แสบปากช่องคลอด
- อาการ ในผู้ชาย มีอาการเล็กน้อย มีของเหลวเป็นเมือกใสไหลออกมา หรือปนหนอง มีอาการคัน หรือเจ็บในท่อปัสสาวะ
โรคไวรัสตับอักเสบบี ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV)
- เกิดจากเชื้อ Hepatitis B virus (HBV)
- ระยะฟักตัว (Incubation period) 30 – 180 วัน
- อาการ หลังจากระยะฟักตัวอาจมีอาการไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน และเจ็บที่ชายโครงขวา หลักจากนั้นจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองตามมาได้ หากติดเชื้อเรื้อรัง เซลล์ตับถูกทำลายมากขึ้น อาจจะกลายเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ในที่สุด
- วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไวรัสตับอักเสบบี คือการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
โรคเอดส์ ติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
- เกิดจากเชื้อ human immunodeficiency virus (HIV)
- ระยะฟักตัว (Incubation period) 1 – 4 สัปดาห์
- อาการ ระยะแรกเริ่มของการติดเชื้อ อาจมีอาหารไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ผื่นขั้น หรือต่อมน้ำเหลืองที่คอโต สามารถหายเองได้ หากไม่ได้วินิจฉัยตรวจเลือดผู้ติดเชื้อมักจะแข็งแรงปกติ แต่เชื้อไวรัสจะทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 จนมีระดับต่ำกว่า 200 เข้าสู่ระยะท้ายของการติดเชื้อและโรคเอดส์ (AIDS)
โรคมะเร็งปากมดลูก ติดเชื้อเอชพีวี (HPV)
- เกิดจากเชื้อ HPV Type 16, 18
- ระยะฟักตัว (Incubation period) หลายเดือนถึงหลายปี
- อาการ ตกขาวมีกลิ่นเหม็น เลือดออกผิดปกติหลังมีเพศสัมพันธ์ น้ำหนักลดไม่ทราบสาเหตุ ปวดท้องน้อย ปัสสาวะไม่ออก
- ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
ข้อควรปฏิบัติเมื่อเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ควรงดร่วมเพศ รวมทั้งสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
- ไม่ควรซื้อยารักษาด้วยตัวเอง ควรเข้าตรวจรักษากับแพทย์เท่านั้น เพราะอาจทำให้เชื้อดื้อ
- ยารักษาไม่หาย การเข้ารักษากับแพทย์โดยตรงจะส่งผลดีกับคนไข้และได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องในการรักษา
- ไปตรวจรักษาตามนัดทุกครั้ง และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ควรแจ้งให้สามี/ภรรยาทราบ และควรพาคู่นอนไปตรวจรักษาด้วยโดยเร็วที่สุดเมื่อทราบว่าตนเองเป็นโรค
- เมื่อตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรเจาะเลือดตรวจหาเชื้อเอชไอวีด้วย
- ในกรณีเกิดหนองในผู้ชายไม่ควรรีดอวัยวะเพศเพื่อดูหนองเพราะจะทำให้เกิดอาการอักเสบมากขึ้น
- รักษาอวัยวะเพศและบริเวณใกล้เคียงให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
- ควรงดดื่มเหล้า-เบียร์และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นโรคที่ผู้ป่วยมักจะเกิดความอายเมื่อต้องมาพบแพทย์ บางรายปล่อยไว้ไม่กล้ามารักษา รวมทั้งขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องการปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรค จนทำให้เกิดการรุกรามของโรครวมไปถึงการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นด้วย ดังนั้นเมื่อเป็นโรคแล้วผู้ป่วยต้องละความอายเข้าพบแพทย์และมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องรักษาร่วมกับสามี-ภรรยาหรือคู่นอนที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการติดเชื้อช้ำและลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดตามมาในระยะยาว